ทัศนศึกษาอุตรดิตถ์ พิษณุโลก สุโขทัย แพร่ โดย ศ.เกียรติคุณ พญ.จริยา เลิศอรรฆยมณี ทัศนศึกษาอุตรดิตถ์ พิษณุโลก สุโขทัย แพร่ โดย ศ.เกียรติคุณ พญ.จริยา เลิศอรรฆยมณี
4846Visitors | [2017-08-24] 

ทัศนศึกษาอุตรดิตถ์ พิษณุโลก สุโขทัย แพร่

ศ.เกียรติคุณ พญ.จริยา เลิศอรรฆยมณี


            เที่ยวน้อยวันแต่ได้รับความรู้ความสนุกสนานมากมาย คณะกรรมการบริหาร สมาคมแพทย์สตรีฯ ได้จัดการประชุมสัญจร โดยมีจุดประสงค์เพื่อเพิ่มความสามัคคี ชาร์จแบตเตอรี่ เรียนรู้ศิลปวัฒนธรรมไทย และเยี่ยมเยือนอุทยานประวัติศาสตร์ของจังหวัดต่างๆ มีข้อแม้อย่างเดียวคือทุกท่านจ่ายเงินเองทั้งทริปเท่านั้น
            วันที่ 13 กรกฎาคม 2560 มีการนัดพบกันที่สนามบินดอนเมือง เหินฟ้าไปพิษณุโลก แวะเพิ่มพลังการท่องเที่ยวที่ร้านอาหารพังกี่ข้าวมันไก่ ซึ่งมีรสชาดอร่อยมาก เจ้าของร้านคงจะเบื่อคนรอคอยเรียกร้องอาหาร เลยเขียนป้ายแจ้งเวลาเปิด 8:30 น.ไว้ทั่วร้าน เราไปรับประทานข้าวมันไก่ แกงจืดมะระผักกาดดองกันจนอิ่มหนำ
          ศ.คุณนันทา นายกสมาคมฯ ให้สัญญาณเริ่มรายการ โดยแบ่งรถออกเป็น 2 คัน คันที่ 1 อยู่ในความดูแลของ พญ.ศรีวรรณา (ผู้ริเริ่มโครงการนี้) สมาชิกในรถคันนี้มีผู้อาวุโสมากหน่อยจึงมีการอภิปรายประเด็นต่างๆอย่างกว้างขวาง รถคันที่ 2 อยู่ในความดูแลของ พญ.อรยา ผู้ดูแลเราอย่างดียิ่ง และสมาชิกมีคุณลักษณะคือเรียบร้อย อยู่ในโอวาทเป็นอย่างดี
         เราข้ามแม่น้ำน่านโดยใช้สะพานนเรศวร ไปยังวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร สักการะพระพุทธชินราช และรูปจำลองพระพุทธชินสีห์เพื่อเป็นสิริมงคล แล้วไปพระตำหนักสมเด็จพระนเรศวรพระราชวังจันทน์ ที่นี่มีเรื่องราวประวัติศาตร์ที่น่าประทับใจของวีรกษัตริย์ไทย คือสมเด็จพระนเรศวรมหาราช การจัดแสดงทำได้ดีมาก ทั้งรูปปั้นแสดงอาวุธของพระองค์ท่านที่เราเคยได้เรียนสมัยเด็กๆ เช่น พระแสงดาบคาบค่าย พระของ้าว และภาพจำลองการยุทธหัตถี เห็นช้างของพระองค์ท่านตัวเล็กกว่า ถูกยันไปจนขาหลังยันต้นไม้ ด้วยพระบรมเดชานุภาพพระองค์เอาชนะศึกครั้งนี้ได้ ฟันพระมหาอุปราชขาดคอช้าง ทำให้ชาวสยามได้รับความสงบต่อมา
           จากนั้นเราออกจากจังหวัดพิษณุโลก มุ่งสู่จังหวัดสุโขทัย รับประทานอาหารกลางวันที่ร้านตาพุธ ตำนานก๋วยเตี๋ยวสุโขทัย อ.ศรีสำโรง จ.สุโขทัย ใกล้ๆกับแม่น้ำยม แล้วมุ่งสู่อุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย นั่งรถชมภายในบริเวณซึ่งร่มรื่นและมีเจดีย์น้อยใหญ่ที่ยังเหลือให้ชม แล้วเดินทางข้ามจังหวัดเพื่อไปนมัสการพระแท่นศักดิ์สิทธิ์ที่วัดพระแท่นศิลาอาสน์  ปูชนียวัตถุสถานสำคัญของจังหวัดอุตรดิตถ์ อยู่ที่อำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ เป็นศิลาแลงรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า กว้าง 8 ฟุต ยาว 10 ฟุต สูง 3 ฟุต ฐานของพระแท่นโดยรอบประดับด้วยลายกลีบบัว มีตำนานว่า พระพุทธเจ้าเมื่อครั้งเป็นพระโพธิสัตว์เคยเสด็จมาจำศีลบำเพ็ญพุทธบารมี ณ ที่แห่งนี้ ต่อมาจึงมีการสร้างพระแท่นศิลาอาสน์ขึ้น สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในสมัยสุโขทัยแต่ไม่ปรากฏนามผู้สร้าง ต่อมาในพ.ศ. 2451 ไฟป่าไหม้มณฑปและวิหารเหลือแต่แท่นศิลาแลง รัชกาลที่ 5 จึงโปรดเกล้าฯ ให้ปฏิสังขรณ์ใหม่
             รายการอีกรายการหนึ่งที่รอคอย คือไปชมผ้าไหมและผ้าฝ้ายคุณภาพดีที่ร้านวิเชียรผ้าไทย ซึ่งคณะเดินทางก็อุดหนุนสินค้าพื้นบ้านชิ้นงามๆกันอย่างจุใจ จนค่ำสนิทจึงเข้าสู่ที่พักที่โรงแรมสีหราช
            วันที่ 14 กค. 2560 เราไปชมเมืองลับแล เป็นเมืองโบราณที่มีมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้เคยเสด็จมาเมื่อ พ.ศ.2444 เรื่องเมืองลับแลเป็นนิทานพื้นบ้านเล่ากันว่าเป็นเมืองของคนดี มีความซื่อสัตย์สุจริต โกหกคำเดียวไม่ได้ ลูกเขยที่มาจากต่างเมืองเห็นลูกร้องไห้ กล่อมแบบไหนก็ไม่หยุด หลุดปากหลอกลูกว่า แม่มาแล้ว…เท่านั้นแหละ ต้องออกจากเมือง ของขึ้นชื่อบริเวณนี้คือเหล็กน้ำพี้ซึ่งใช้ในการตีดาบน้ำพี้
              อาหารกลางวัน อร่อยเช่นเคย เป็นก๋วยเตี๋ยวหมูตุ๋น รักไอศครีม ชื่อร้านอย่างนี้จริงๆ อร่อยทั้งก๋วยเตี๋ยว ทั้งไอศครีม จากนั้นได้รับการต้อนรับจากสวนคุณหมอ พญ.ศรีวรรณาซึ่งเป็นเจ้าภาพใจดี ได้รับประทานทุเรียนหลงลับแลของแท้ และหมอนทองซึ่งอร่อยมาก มังคุด หมูสะเต๊ะ และอาหารอร่อยอีกหลายอย่าง เช่น หมี่พัน ซึ่งหารับประทานยากก็ได้ลิ้มรสที่ลับแล
              เย็นแล้ว เราไปชมอาทิตย์ตกบนสันเขื่อนสิริกิตต์ แล้วเข้าพักที่เรือนพักนกกระจอก ตอนกลางคืนมีงานสังสรรค์ซึ่งเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและเสียงเพลง ท่านที่ร้องเก่งอยู่แล้วร้องกันไม่หยุด เช่น อ.คุณนันทา พญ.มยุรา พญ.แสงจันทร์ พญ.วันงาม ท่านที่อายๆก็เข้าร่วมสนุกกันฉันพี่น้องเต็มที่
      วันที่ 15 กค. 2560 เช้าตรู่อากาศดี พญ.คุณสรรรยา พญ.สุรางค์รัตน์ พญ.สุวิณา นำออกกำลังกายเหนือเขื่อน โดยใช้วิธีของมณีเวชซึ่งได้กรุณามาสอนเราไว้ หลังจากนั้นเราไปชมต้นสัก 1500 ปี แล้วข้ามจังหวัดไปรับประทานอาหารกลางวันที่ร้านขนมจีนปันใจ๋ จังหวัดแพร่ ไปแวะถนนที่สองฟากเรียงรายด้วยร้านผ้าม่อห้อม อุดหนุนสินค้าพื้นบ้านกันเช่นเคย
           ค่ำลงแล้วทุกท่านหิ้วข้าวของไปขึ้นรถไฟด่วนอุตรวิถี ได้เห็นการพัฒนาของรถไฟไทยซึ่งนำเอาสารสนเทศเข้ามาใช้ เช่น ผู้โดยสารสามารถทราบว่าเดินทางไปถึงไหนและสถานีหน้าคืออะไร จะถึงปลายทางเวลาเท่าใด หรือแม้แต่ขณะนี้ห้องน้ำว่างหรือไม่ โดยดูจากจอภายในห้องโดยสาร รถไฟแกว่งไกวพาเราเข้านอน พอฟ้าสางหกโมงเช้าก็เข้าเทียบชานชาลาหัวลำโพงโดยสวัสดิภาพ
           การเดินทาง 4 วัน ได้เข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และเยี่ยมชมสถานที่น่าสนใจของทั้ง 4 จังหวัด และสนุกสนานร่วมกัน โดยความเอื้อเฟื้อของ พญ.ศรีวรรณาผู้วางแผนการเดินทางอย่างรอบคอบ จะอยู่ในความทรงจำของพวกเราตลอดไป 

ท่านสามารถเข้าชมอัลบั้มรูปได้ที่ http://www.tmwa.or.th/new/gal.php?topicid=687&type=gallery