อาการคนท้อง ระยะแรก ยืนยันว่าคุณตั้งครรภ์แล้วแน่ๆ อาการคนท้อง ระยะแรก ยืนยันว่าคุณตั้งครรภ์แล้วแน่ๆ
966076Visitors | [0000-00-00] 

อาการคนท้อง อาการของคนท้อง ระยะแรก นั้นในแต่ละราย อาการตั้งครรภ์จะไม่เหมือนกันไปทุกคน บางคนแพ้น้อย บางคนแพ้มาก บางคนไม่แสดงอาการเลย แต่ก็จะมีอาการพอให้สังเกตุได้บ้าง ว่าอาการที่คุณเป็นอยู่นี้ มันเป็นอาการคนท้องหรือเปล่า ซึ่งเราจะรวมเอาอาการคนท้อง ในลักษณะต่างๆทั้งหมด ที่คนท้องจะเกิดอาการเหล่านี้ขึ้น ให้คุณพอสังเกตุได้ ว่าอาการของคุณตอนนี้ บ่งบอกว่าคุณท้องแล้วหรือยัง และเพื่อความแม่นยำ ชัดเจน เราจะสอนวิธีใช้ชุดตรวจการตั้งครรภ์ และการซื้อชุดตรวจ ท้ายบทความ ซึ่งความแม่นยำ ชุดตรวจการตั้งครรภ์สมัยนี้นั้น ให้ผลตรวจที่แม่นยำที่สูงมาก เทียบเท่าตรวจโดยคุณหมอเลยทีเดียว

ประจำเดือนไม่มา
ประจำเดือนไม่มา ก็มีสาเหตุหลายสาเหตุที่ทำให้ประจำเดือนไม่มา เช่น
1. มีความเครียด หรือวิตกกังวลสูง 
2. ไม่สบาย ก็อาจทำให้ประจำเดือนไม่มา 
3. ตั้งครรภ์
ในบางรายที่มีประจำเดือนมาสม่ำเสมอ หากประจำเดือนของคุณขาดไป ก็แสดงว่าคุณอาจตั้งครรภ์ เพราะหลังจากปฏิสนธิ ประจำเดือนจะไม่มา

แต่มีในบางรายที่ ตั้งครรภ์แล้ว อาจจะมีเลือดออกเล็กน้อยทางช่องคลอดในช่วงเวลาที่ครบรอบประจำเดือน

ปัสสาวะบ่อยขึ้น และสีเข้มขึ้น
อาการคนท้องนี้เกิดขึ้นเนื่องจากมดลูกที่โตกดกระเพาะปัสสาวะ และฮอร์โมนที่เพิ่มขึ้น ระหว่างตั้งครรภ์มีผลทำให้เลือดมาคั่งในเชิงกรานมาก เพื่อไปหล่อเลี้ยง ตัวอ่อนมากขึ้น ระบบปัสสาวะที่ต่อเนื่องถึงกันจึงได้รับผลกระทบไปด้วย กระเพาะปัสสาวะ จึงระคายเคืองและบีบตัวบ่อยขึ้น ทำให้ปวดปัสสาวะบ่อย รวมทั้งต้องลุกมาเข้าห้องน้ำใน ตอนกลางคืนบ่อยๆ ด้วย 


คัดเต้านม เจ็บ และตึง
มีการเปลี่ยนแปลงของเต้านม คุณแม่จะรู้สึกว่าเต้านมใหญ่ขึ้น กดจะเจ็บเนื่องจากมีการเจริญเติบโตของไขมันและต่อมน้ำนม เส้นเลือดที่ไปเลี้ยงขยายใหญ่ขึ้นจนสังเกตเห็นได้ หัวนมเจ็บและไวต่อสิ่งสัมผัส มีเส้นเลือดดำสีเขียวๆ ปรากฏขึ้นที่บริเวณผิวหนังรอบเต้านม หัวนมมีสีคล้ำขึ้นและตั้งชู 


ท้องผูกกว่าปกติ
เพราะมีสาเหตุจากเปลี่ยนแปลงของร่างกายเมื่อตั้งครรภ์เช่นการบีบตัวของลำไส้ลดลง มดลูกทับลำไส้ใหญ่ การแก้ไขภาวะท้องผูกในคนท้องที่ดีที่สุดคือ พยายามรับประทานอาหารที่มีกากใยสูง ดื่มน้ำให้เพียงพอ และออกกำลังกายพอเหมาะซึ่งจะช่วยในเรื่องการแก้ไขอาการท้องผูกได้ 

มีอาการตกขาวเล็กน้อย

อาการตกขาวของคนท้องนั้น เป็นของคู่กัน เมื่อผู้หญิงเราตั้งครรภ์ทำให้มาการเปลี่ยนแปลงทางสรีระ ฮอร์โมนเพศหญิงมีการเปลี่ยนแปลง ทำให้เกิดมีเลือดมาคั่งมากในช่องคลอด ที่คอมดลูก ต่อมต่าง ๆ ในคอมดลูกทำงานมากขึ้น จะมีน้ำไหลออกมาจากช่องคลอดมากขึ้น เมื่อหลุดออกมาจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงโดยเชื้อแบคทีเรียที่พบเป็นปกติในช่องคลอดของหญิงทุกคน เป็นผลให้เซลล์สลายออกเกิดเป็นตกขาวได้ โดยเฉพาะในช่วงท้าย ๆ ของการตั้งครรภ์
โดยจะเป็นเมือกขาวๆ ออกมาจากช่องคลอด โดยไม่แสบ หรือคันบริเวณช่องคลอดแต่อย่างใด


เหนื่อยง่าย และง่วงนอนตลอดเวลา
เป็นอาการที่เกิดจาก ร่างกายหลั่งฮอร์โมนออกมา ทำให้ นอกจากตอนเย็นหลังเลิกงานแล้วยังเหนื่อยล้าในตอนกลางวันอีกด้วย อาการเช่นนี้ดีสำหรับคุณแม่ เพราะเท่ากับช่วยลดกิจกรรมต่างๆ ลงทั้งที่บ้านและที่ทำงาน จะได้พบปะเจอะเจอผู้คนน้อยลง หรือไม่ค่อยอยากเดินทางไปไหนมาไหน ช่วยให้คุณแม่ได้รับเชื้อโรคและสารพิษจาก สิ่งแวดล้อมที่เป็นพิษน้อยลง 


รู้สึกขมๆ เฝื่อนๆ มีรสชาติแปลกๆ ในปาก 
เป็นอาการของโรคกรดไหลย้อน เพราะผู้หญิงตั้งครรภ์มักเป็นโรคกรดไหลย้อน เนื่องจากฮอร์โมนที่เพิ่มขึ้นขณะตั้งครรภ์ทำให้หูรูดหลอดอาหารอ่อนแอลงรวมทั้งมดลูกที่ขยายตัวเพิ่มแรงกดต่อกระเพาะอาหาร ซึ่งหากคุณมีอาการขณะตั้งครรภ์ควรปรึกษาแพทย์


รู้สึกเหม็น ทนไม่ได้กับบางสิ่งบางอย่าง 

เป็นเพราะการเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนภายในร่างกายมีปฏิกริยากับสิ่งที่สัมผัสได้ ทั้งกลิ่น รส เสียง สัมผัส คุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์หลายรายมักจะมีอาการแพ้ท้องเมื่อได้กลิ่นอาหาร (ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนเป็นอาหารที่ตัวเองชอบ) หรือแพ้กลิ่นน้ำหอม (เดิมชอบกลิ่นนี้มาก พอตั้งครรภ์แล้วกลิ่นที่เคยหอมกลับรู้สึกว่าเหม็นไป) หรือหนักมากๆ เข้าก็แพ้กลิ่นตัวสามีก็มีให้เห็นบ่อยครั้ง เพราะว่าระบบธรรมชาติได้พยายามปกป้องร่างกายของคุณแม่ที่ตั้งครรภ์ เพื่อให้ร่างกายได้พักผ่อนมากที่สุด เพราะเป็นช่วงที่ทารกในครรภ์กำลังพัฒนาและเจริญเติบโต เป็นช่วงที่สำคัญที่สุดเลยทีเดียว ดังนั้นหลายๆ คนที่แพ้ท้องมากๆ ก็อาจจะต้องหยุดพัก ได้แต่กิน นอน และอาเจียนกันเลยทีเดียว



มีอารมณ์อ่อนไหวหรือแปรปรวนง่าย
เป็นอีกอย่างหนึ่งอาการของคนท้อง อาจเป็นผลมาจากฮอร์โมนในร่างกายที่เปลี่ยนแปลง บางครั้งได้ยิน ได้ฟังเรื่องเศร้าๆ ก็ร้องไห้ น้ำตาซึม หรือปล่อยโฮ ดูหนังเศร้าก็ร้องไห้เสียใจ โดยที่เมื่อก่อนไม่ใช่คนแบบนี้ ผู้หญิงบางรายอาจไม่มีอาการดังกล่าวนี้เลย แต่ก็ "ทราบ" ว่าตนเองตั้งครรภ์ ก็เป็นได้เช่นกัน


อาการแพ้ท้อง
เป็นอาการ ที่พบบ่อยมากจนเป็นสัญลักษณ์ของการตั้งครรภ์ ส่วนใหญ่มีอาการคลื่นไส้ อยาก อาเจียนหลังตื่นนอนในตอนเช้า บางรายอาจเป็นในช่วงเย็นๆ บางรายมีอาการต่อเนื่องกัน ตลอดทั้งวัน (แย่หน่อย) โดยเฉพาะตอนที่ท้องว่าง บางทีหิวแต่กินไม่ได้มาก ทำให้เกิด อาการวิงเวียนจะเป็นลม เนื่องจากมีน้ำตาลในเลือดต่ำ 


กินอาหารไม่อร่อย หรืออยากกินของแปลกๆ

ชุดตรวจการตั้งครรภ์ ด้วยปัสสาวะ

ชุดตรวจสำเร็จรูปสำหรับตรวจปัสสาวะด้วยตนเอง วางจำหน่ายมากมายหลายยี่ห้อ หลากหลายราคา ร้านขายยาก็มีขาย ห้างสรรพสินค้าก็มีขาย สินค้าเหล่านี้มักวางขายใกล้ๆชั้นขายยาเม็ดคุมกำเนิดและถุงยางอนามัย ซื้อมาแล้วก็เอามาตรวจเองที่บ้าน 

ควรเก็บไว้ที่อุณหภูมิ 4 – 30 องศา และเมื่อฉีกซองออกมาแล้ว ต้องตรวจทันทีจึงจะได้ผลดี แต่ถ้าฉีกมาแล้วยังไม่ตรวจสามารถเก็บไว้ได้ประมาณหนึ่งชั่วโมง มิฉะนั้นจะโดนความชื้น ทำให้ประสิทธิภาพลดลงได้ ซึ่งอาจให้ผลตรวจผิดพลาดได้

ต้องใช้ปัสสาวะที่ปัสสาวะออกมาใหม่ๆ จะใช้ปัสสาวะตื่นนอนตอนเช้าก็ได้ ฮอร์โมนเยอะ มีความแม่นยำสูง แต่จะใช้ปัสสาวะเวลาอื่นก็ได้ผลเหมือนกัน

วิธีการตรวจ ตรวจอย่างไร 
ปกติในชุดจะมีอุปกรณ์ให้มาพร้อมเสร็จสรรพ ทั้งนี้ก็แล้วแต่บริษัท บางบริษัทก็เป็น แบบแผ่นหยด หรือแบบแถบจุ่ม หรือแบบตลับ
แบบแผ่นหยด ปกติจะต้องมีหลอดดูดพร้อมก้าน ละเลงปัสสาวะผสมน้ำยามาให้ด้วย อ่านคู่มือที่มีมาให้พร้อม 
 
แบบแถบจุ่ม (Test strip) อาจมีภาชนะบรรจุปัสสาวะมาให้หรือไม่มีก็ได้ อย่าจุ่มเลยขีดที่กำหนด 
แบบตลับ (Test pack) ทางบริษัทจะเตรียมถ้วย และหลอดดูดปัสสาวะมาให้พร้อม อย่าหยดปัสสาวะมาก ปกติ 3-4 หยดก็พอ

การอ่านผล 
ส่วนมากในกล่องของชุดตรวจที่ซื้อมาจะบอกวิธีการอ่านไว้แล้วพร้อมมีรูบภาพตัวอย่างด้วย โดยส่วนมากการอ่านผลที่ถูกต้องต้องอ่านภายใน 5 นาที ถ้าทิ้งไว้นานกว่านี้ ที่เคยขึ้นขีดเดียวของบางบริษัท อาจมีอีกขีดโผล่มาได้ ซึ่งไม่ใช่การตั้งครรภ์ และเชื่อถือไม่ได้แล้ว

1. ถ้าขึ้น 2 ขีด แปลว่าให้ผลบวก ท้อง

2. ถ้าขึ้นขีดเดียวที่ขีด C แปลว่าให้ผลลบ ไม่ท้อง
3. ถ้าไม่ขึ้นสักขีด แปลว่า อ่านผลไม่ได้ หรือผิดพลาด
4. ถ้าขีด T ขึ้นจางๆ แปลว่า ยังไม่แน่ หรือผิดพลาด


ตรวจโดยแพทย์ ด้วยการตรวจภายใน
ถ้าประจำเดือนขาดเกิน 1-2 เดือนแล้ว แพทย์อาจใช้การตรวจภายในเพื่อยืนยันการตั้งครรภ์ โดยช่องคลอดและปากมดลูกจะมีสีม่วงคล้ำ เพราะมีเลือดมาหล่อเลี้ยงจำนวนมาก และมดลูกโตจน คลำได้ชัดเจน การตรวจภายในยังช่วยสำรวจความผิดปกติว่ามีก้อนเนื้องอกที่มดลูกหรือรังไข่ ได้อีกด้วย

ถ้าไม่ชัดเจนแพทย์จะตรวจด้วยผลเลือด